มะม่วงกุยเฟย「貴妃」มีความหมายว่า มหึมา ยักษ์ใหญ่ ขนาดใหญ่ เป็นมะม่วงที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์โดยชาวสวนมะม่วงแห่งมลฑลไถหนานที่ใช้ระยะเวลาในการปรับปรุงพันธุ์มะม่วงชนิดนี้ถึง 7 ปี มีความโดดเด่นที่เนื้อแน่น มีความหวานฉ่ำมากกว่ามะม่วงอ้ายเหวิน เมล็ดลีบและเนื้อเยอะไม่เป็นเสี้ยน วัดความหวานได้มากกว่า 16 องศาบริก มีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 1 – 1.2 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับอายุต้นและการบำรุงและเทคนิคการดูแลในช่วงออกผล) ปัจจุบันเป็นที่จับตามองของเกษตรกรทั้งไต้หวันและจีน

ลักษณะต้นมีขนาดสูงใหญ่แบบเดียวกับมะม่วงบ้านเราครับ ส่วนผลนั้นในขณะที่ผลยังดิบจะมีสีสันออกไปทางสีแดงอมม่วงหรือม่วงแดงทึบทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงแดดที่ผลมะม่วงได้รับเมื่อผลเริ่มสุกจะเริ่มเห็นชัดว่ามีสีแดงขึ้น เมื่อสุกเต็มที่จะมีสีออกไปทางแดงส้ม ออกแกมส้ม มีกลิ่นหอมน่าทาน ส่วนรสชาดผมเองก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี หากเทียบกับน้ำดอกไม้ก็ต้องบอกว่ามันอร่อยคนละแบบต้องลองดูครับ

มะม่วงไซซี หรือ มะม่วงสาวงามไซซี 「西施」หากอ่านประวัติตามฉบับของไทยรัฐมะม่วงพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์โดยชาวไต้หวันและยังชนะเลิศประกวดมะม่วงพันธุ์ใหม่ในไต้หวันอีกด้วย ว่ากันว่าเป็นมะม่วงที่ถูกตั้งชื่อเพราะมีสัดส่วนสวยงาม มีส่วนโค้งเว้าเปรียบได้เหมือนสาวงามนั่นเอง

มะม่วงไซซีมีอีกชื่อวามะม่วงฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ หรือ ออกเสียงพ้องตามภาษาจีนกลางว่า Běi yī มีลักษณะเด่นที่ผลใหญ่น้ำหนักดี เฉลี่ย 0.9 – 1.5 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเลี้ยง) มีเมล็ดบางจึงทำให้มีปริมาณของเนื้อมากกว่า สีของผลออกแดงปนส้มขึ้นอยู่กับแสงที่ผลมะม่วงได้รับ

ผลที่ดิบโดยส่วนตัวของผมคิดว่ารสคล้ายมะม่วงไทยที่ไม่เปรี้ยวจัดและไม่หวานมาก ทานเล่นกำลังดี ส่วนผลสุกหวานมาก เนื้อละเอียดไม่เป็นเซี้ยน ที่สำคัญเนื้อเยอะมากรสอร่อย หากให้เทียบกับน้ำดอกไม้ก็คงต้องบอกว่าอร่อยคนละแบบ ในขณะที่น้ำดอกไม้หวานอมเปรี้ยวนิด ๆ ไซซีคงจะหวานกลมกล่อมมีกลิ่นหอม ๆ คล้ายกลิ่นลูกท้อปนนิด ๆ ครับ

ไทโยโนะทามาโงะ 「太陽のタマゴ」เป็นมะม่วงที่ถูกปลูกในจังหวัดมิยาซากิ โดยนำพันต้นพันธุ์มาจากจังหวัดโอกินาวะที่อยู่ทางตอนไต้ของประเทศญี่ปุ่น

แต่เดิม ไทโยโนะทามาโงะ เป็นมะม่วงที่เกษตรกรชาวญี่ปุ่นนำต้นพันธุ์มะม่วง 「愛文」IRWAN เออวิน หรือ อ้ายเหวิน เข้ามาจากประเทศไต้หวัน โดยได้นำมาเพาะเลี้ยงแล้วแตกชื่อเป็นแบรนด์ต่าง ๆ เช่น มะม่วงแอปเปิ้ล หรือ มะม่วงไทโยโนะทามาโงะ แต่ด้วยเทคนิคพิเศษของผู้ปลูกจังหวัดมิยาซากิ ทำให้มะม่วงชนิดนี้มีลักษณะสีแดงน่าทาน มีขนาดลูกใหญ่ โดยมะม่วงที่ถูกเรียกว่า ไทโยโนะทามาโงะ จะมีความหวานมากกว่า 15-18 องศาบริกศ์ขึ้นไปเท่านั้น

ต้นพันธุ์ที่ผมได้มาเป็นต้นที่เพาะขึ้นจากเมล็ดที่เพื่อนคนญี่ปุ่นได้ซื้อมะม่วงชนิดนี้มามอบให้เป็นของฝากตอนเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นครับ หลังจากทานแล้วส่วนตัวเลยต้องบอกว่าอร่อยมาก เป็นมะม่วงที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานเลยครับ เนื้อไม่เละและหวานสดชื่นมาก แต่บางท่านก็บอกว่าน้ำดอกไม้อร่อยกว่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะครับ

มะม่วงผิงกั่วเหวิน 「蘋果文」เป็นมะม่วงที่มีลักษณะทรงของผลเกือบจะทรงกลม ผลสุกมีสีแดงบางครั้งก็มีสีแดงหม่นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแสงแดดที่ถูกผลของมะม่วงอีกทีครับ เนื้อของมะม่วงมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง รสหวานประมาณ 18-20 องศาบริกศ์

จากบทความของไทยรัฐทำให้เรารู้ว่าแต่เดิมมะม่วงผิงกั่วเหวินเป็นพันธุ์ที่ถูกผสมโดยแมลงระหว่างมะม่วงเออวินกับมะม่วงเคียสแดง(มะม่วงหงไค่เท่อ) เมื่อนำเมล็ดที่รับการผสมมาปลูกและมั่นใจแล้วว่าเป็นพันธุ์ใหม่ก็มีการนำมาจำหน่ายเป็นต้นพันธุ์อย่างที่เห็นในปัจจุบันครับ

มะม่วงผิงกั่วเหวินน้ำหนักเฉลี่ย 1.1 – 2.5 กิโลกรัมต่อผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับการปลูกเลี้ยงและการบำรุงต้นก่อนออกผลอีกทีนะครับ

มะม่วงยู่เหวินเบอร์6 「玉文6号」 หรือ มะม่วงแดงจักรพรรดิ์ เป็นมะม่วงสายพันธุ์ต่างประเทศรุ่นแรก ๆ ที่เข้ามายังประเทศไทย เรามักพบเห็นลูกมะม่วงยู่เหวินวางขายตามห้างใหญ่หรือตามตลาด น้ำหนักเฉลี่ยของมะม่วงยู่เหวินประมาณ 0.6 – 1 กิโลกรัมต่อลูก และมีขนาดเมล็ดที่คิดเป็นเพียง 6% ของน้ำหนักทั้งหมด มีระดับความหวานประมาณ 15 บริกศ์ รูปร่างโดยทั่วไปคล้ายกับมะม่วงเออหวินเว้นแต่เพียงขนาดใหญ่กว่า และมีภูมิต้านทานโรคพืชได้ดีกว่า

รสของมะม่วงยู่เหวินหวานฉ่ำมากมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ถ้าเทียบกับน้ำดอกไม้สุก ส่วนตัวคิดว่ามะม่วงยู่เหวินจะมีความหวานมากกว่าในขณะที่มะม่วงน้ำดอกไม้จะมีรสหวานอมเปรี้ยวปนเล็กน้อย อร่อยคนละแบบ และแน่นอนว่าลูกใหญ่กว่าจึงมีเนื้อมากกว่านั่นเองครับ

มะม่วงสุ่ยหมี่เถา / ส่วยหมีเถา 「水蜜桃」มีความหมายในภาษาไทยว่า มะม่วงลูกท้อ หรือ บางท่านก็เรียกว่า มะม่วงท้อสวรรค์ นะครับ เป็นมะม่วงพันธุ์ใหม่และด้วยลักษณะของเปลือกที่มีสีเหลืองอมส้มปนแดงและมีจุด ๆ คล้ายกับลูกท้อ บางท่านก็กล่าวว่ามีรสของกลิ่นท้อปนอยู่ด้วยเช่นกัน

ผลอวบเนื้อนุ่ม ใยเนื้อไม่เป็นเสี้ยนรสหวานมีกลิ่นหอมแบบมะม่วงปนท้อ วัดความหวานได้ราว ๆ มากกว่า 18 องศาบริกซ์

มะม่วงหงษ์เซียงหยา 「紅象牙」หรือ มะม่วงงาช้างแดง มีลักษณะเด่นที่ผลมีขนาดใหญ่ทรงยาวคล้ายงาช้างหนักราว ๆ 2.5 – 4.5 กิโลกรัมต่อผล (ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเลี้ยง) วัดความหวานได้ถึง 16-18 องศาบริกซ์ มีรสหวานเนื้ออวบแน่น เมล็ดมีขนาดเล็กไม่มีกลิ่นขี้ไต้

ผลดิบของมะม่วงงาช้างแดงจะมีลักษณะเป็นสีเขียวเหมือนกับมะม่วงทั่วไปในบ้านเราครับ แต่เมื่อใกล้สุกจะเริ่มมีสีแดงให้เห็น แต่หากผลของมะม่วงไม่ถูกแสงมากก็จะไม่แดงทั้งลูกนะครับ ต้องให้ผลของมะม่วงได้รับแสงแดดมาก ๆ ถึงจะกลายเป็นสีแดงแบบในภาพครับ รสชาติของ มะม่วงงาช้างแดง มีรสหวานอร่อยคล้าย ๆ มะม่วงเขียวเสวยสุกแต่ใส่ความหวานแล้วก็ความฉ่ำเพิ่มลงไปอีกนิด

มะม่วงหงษ์ไค่เท่อ 「紅凱特」หรือ มะม่วงเคียสแดง เป็นมะม่วงที่มีลูกใหญ่มาก บางครั้งก็ให้ผลได้หนักถึง 3 กิโลกรัม ผลที่สุกแล้วจะเปลี่ยนจากสีม่วงกลายเป็นแดง เนื้อของมะม่วงหงษ์ไค่เท่อลักษณะเช่นเดียวกับมะม่วงทั่วไปคือมีสีเหลือง รสอร่อย หวานและหอมกลิ่นมะม่วง ไม่มีกลิ่นขี้ไต้ ผลดิบมีรสชาติเปรี้ยวจี๊ด หากนำไปทำเป็นมะม่วงฝานบาง ๆ ราดน้ำปลาก็ลงตัวเลยครับ ส่วนเมล็ดของ มะม่วงหงษ๋ไค่เท่อ ลีบและบางจึงทำให้มีเนื้อเยอะมาก แค่ผลเดียวก็อิ่มกันทั้งบ้านเลยครับ

มะม่วงหงษ์จู 「紅珠」หรือ มะม่วงไข่มุกแดง เป็นมะม่วงสีแดงที่มีผลใหญ่เกือบเทียบเท่ามะม่วงหงไค่เท่อ น้ำหนักต่อผลราว ๆ 1 – 2.5 กิโลกรัม (ขึ้นอยู่กับปัจจัยการเลี้ยง) รสหวานหอมกลิ่นมะม่วง  เนื้อไม่เละและไม่มีเสี้ยนเมล็ดบางเนื้อเยอะ สีของเนื้อตอนสุกเป็นสีเหลืองอมส้มแบบมะม่วงไทยเราครับ มะม่วงหงษ์จู เป็นมะม่วงอีกชนิดที่นิยมทานสุก ออกผลตามฤดูกาล ด้วยลักษณะของทรงผลที่สวยงามขนาดกลมใหญ่ในต่างประเทศอย่างไต้หวันหรือจีนมักซื้อไปเป็นของฝากให้กับญาติผู้ใหญ่