เบนิฮารุกะ
(Beni Haruka) หากเอ่ยถึงชื่อมันญี่ปุ่นสายพันธุ์นี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก มันเป็นมันญี่ปุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประเทศญี่ปุ่นและยังเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย แน่นอนในประเทศไทยเองก็เริ่มเป็นที่รู้จักและกำลังกลายเป็นที่นิยมเพิ่มสูงขึ้น ๆ ในแต่ละปี
ทำไม เบนิฮารุกะ ถึงได้รับความนิยมและมียอดจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้นได้ อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เราจะไปหาคำตอบของคำถามที่คาใจนี้กัน แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับมันญี่ปุ่นสายพันธุ์เบนิฮารุกะนี้กันก่อนดีกว่า
เบนิฮารุกะ (Beni Haruka) นับได้ว่าเป็นมันญี่ปุ่นอีกชนิดที่มีผิวลักษณะภายนอกสีแดงคล้ายใบเมเปิ้ลยามเปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงสวยงามและยังมีสีสันภายในออกขาวเหลืองในตอนที่เก็บเกี่ยวใหม่แต่สีเหลืองของเนื้อจะมีลักษณะเข้มขึ้นหากนำไปผึ่งทิ้งไว้หลังเก็บเกี่ยวเกินหนึ่งสัปดาห์ สีสันที่สวยงามของมันนี้ได้มาจากพ่อพันธุ์ที่ชื่อ ฮารุ โคกาเนะ (Haru Kogane) และลักษณะรูปลักษณ์ที่กลมมนสวยงามนั้นได้มาจากแม่พันธุ์ที่ชื่อ คิวชูเบอร์ 121 คู่ผสมนี้ถูกจับคู่และพัฒนาสายพันธุ์แห่งแรกที่ศูนย์วิจัยการเกษตรคิวชูโอกินาว่าและที่มาของชื่อ ฮารุกะ นั้นเกิดจากรสสัมผัสและรูปร่างภายนอกที่ “ห่าง” จนโดดเด่นเหนือกว่าพันธุ์อื่น ๆ นั่นเอง
คำว่า Haruka ในภาษาญี่ปุ่นแปลได้ว่า “ห่าง, หรือระยะที่ห่างออกไป” เป็นการใช้คำที่ต้องการบอกถึงมันชนิดนี้มีความโดดเด่นที่ห่างชั้นกับมันเทศชนิดอื่น ๆ ส่วนคำว่า Beni หมายถึงสีสันที่ออกโทนแดงฉูดฉาด ซึ่งในที่นี้หมายถึงสีเปลือกที่ออกโทนแดง
เบนิฮารุกะ ถูกจดทะเบียนชื่อพันธุ์เมื่อปี ค.ศ. 2010 ในครั้งที่เบนิฮารุกะออกจำหน่ายแรก ๆ นั้นผู้บริโภคในประเทศญี่ปุ่นยังยึดติดและให้ความสำคัญกับมันญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมายาวนานอย่าง เบนิอาสึมะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีเบนิฮารุกะก็สามารถคว่ำแช้มและกลายมาเป็นมันเทศที่ชาวญี่ปุ่นหลายคนถามถึง มีการเขียนรีวิวไว้ในอินเตอร์เน็ตมากมายและไม่กี่ปีมานี้เบนิฮารุกะก็กลายเป็นมันเทศญี่ปุ่นที่ถูกปลูกมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จากเดิมที่เป็น เบนิอาสึมะ และ นารุโตะคิงโตคิ หลาย ๆ แหล่งเพาะปลูกต่างสร้างความแตกต่างให้กับเบนิฮารุกะของตนเองด้วยการใส่สูตรบำรุงและปรับปรุงพื้นดินให้ร่วนซุย บางสวนสามารถทำความหวานให้เบนิฮารุกะได้มากกว่า 40 องศาบริกซ์ นับได้ว่าเป็นรสที่นักทานหวานหลายคนทานแล้วต้องยิ้มจนแก้มปริเลยทีเดียว
ในประเทศไทยเบนิฮารุกะอาจเป็นที่รู้จักครั้งแรกเมื่อมีการนำเข้ามันญี่ปุ่นชนิดนี้เข้ามาจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง TOP Supermarket หรือ Central Festival ภายใต้ชื่อร้าน “อิโมะคิง” ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและเป็นมันเทศคัดเกรดอย่างดี กลิ่นหอมเย้ายวนยามเมื่อเดินเข้าห้างสรรพสินค้าอาจยากที่จะหักห้ามใจที่จะลิ้มลอง
ปัจจุบันเบนิฮารุกะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในประเทศไทยรวมไปถึงความต้องการในตลาดเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน สำหรับผู้ปลูกแล้วนั้นถึงแม้การปลูกมันเทศญี่ปุ่นจะทำได้ไม่ยากนักแต่ทว่าการปลูก เบนิฮารุกะ หรือพันธุ์อื่น ๆ ให้มีรสหวานฉ่ำแบบต้นฉบับของญี่ปุ่นนั้นกลับท้าทายยิ่งกว่า แต่หากเรา นักปลูกยังคงทุ่มเทไม่ย่อท้อผมเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้มันญี่ปุ่นที่มีรสหวานเทียบเคียงไม่แตกต่างจากต้นฉบับอย่างแน่นอน
ติดต่อสั่งซื้อยอดพันธุ์เบนิฮารุกะ เพิ่ม Line นายสวน
เพียงคลิ๊กหรือสแกนที่รูปภาพ แล้วทักได้เลย !
ภาพและบทความอ้างอิงจาก
http://www.jrt.gr.jp/var_s/index_spv.html
http://foodslink.jp/syokuzaihyakka/syun/vegitable/satumaimo-Beniharuka.htm
https://www.jalan.net/kankou/spt_guide000000187302/activity/l000013B46/